ตามหลักการในการจัดองค์ประกอบศิลป์เป็นหลักการที่สามารถใช้ได้กับงานออกแบบทุกรูปแบบ เพื่อให้สื่อสารจุดประสงค์ของงานออกไปให้ชัดเจนที่สุด
การจัดองค์ประกอบศิลป์ หรือ Composition คือ การนำ จุด เส้น สี แสง – เงา รูปร่าง รูปทรง น้ำหนักเข้ม – อ่อน พื้นที่ว่าง และพื้นผิว มาจัดวางรวมกันอย่างสมดุลตามหลักการจัดองค์ประกอบ เพื่อนำเสนอให้งานออกแบบสามารถสื่อสารให้กับผู้ชมได้ดีที่สุด รวมทั้งเป็นการนำเสนอคุณค่าของงานให้มากขึ้น โดยหลักการการจัดองค์ประกอบเหล่านี้สามารถใช้ได้กับงานออกแบบทุกประเภท ทั้งงานออกแบบทั่วไป ภาพประกอบ การ์ตูน แอนิเมชั่น โมชันกราฟิก งานภาพถ่าย และอื่นๆ
(1) เอกภาพ (Unity) คือ ความเป็นหนึ่งเดียวของการจัดองค์ประกอบ เป็นการจัดวางเพื่อสื่อสารให้เนื้อหาประสานกันและเป็นไปในทางเดียวกัน โดยสามารถนำเสนอเอกภาพออกได้เป็น ๒ แบบ คือ
- เอกภาพของการแสดงออก คือ การจัดองค์ประกอบต่าง ๆ ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อนำเสนอและสื่อสารออกมาในสิ่งที่ต้องการ โดยมุ่งไปในเป้าหมายเดียวอย่างแน่วแน่ โดยการใช้องค์ประกอบให้มีความหมายที่ล้อไปทางเดียวกัน
- เอกภาพของรูปทรง คือ การจัดองค์ประกอบโดยนำเสนอแนวคิดออกมา ผ่านการจัดวางอย่างเป็นระบบ ไม่ว่าจะเป็น จุด เส้น สี แสง – เงา รูปร่าง รูปทรง น้ำหนักเข้ม – อ่อน พื้นที่ว่าง หรือพื้นผิวก็ตาม โดยสามารถจัดวางได้เป็น 2 แบบ ดังนี้ ๑. การจัดวางแบบขัดแย้ง เป็นการจัดองค์ประกอบให้ขัดแย้งกันด้วยรูปร่าง ขนาด ทิศทางและที่ว่าง 2. การจัดวางแบบประสาน เป็นการจัดองค์ประกอบให้กลมกลืนแม้ว่าจะมีรูปร่าง ขนาดและทิศทางที่แตกต่างกัน นิยมใช้มากโดยการใช้สีในการประสานองค์ประกอบ หรือการทำซ้ำ
(2.) ความสมดุล (Balance) คือ น้ำหนักที่เท่ากันของงาน โดยจะไม่เอนเอียงไปทางซ้ายหรือขวา การจัดองค์ประกอบของตัวงานจะมีความเท่ากันทั้ง 2 ด้าน โดยความสมดุลสามารถแบ่งได้เป็น 2 แบบ ดังนี้
- ความสมดุลแบบสมมาตร คือ ความสมดุลที่เกิดจากน้ำหนักที่เท่ากันทั้ง 2 ด้านซ้าย – ขวาของงาน โดยทั้ง 2 ด้านจะเหมือนกัน โดยแกนของน้ำหนักจะอยู่กึ่งกลางของภาพ สามารถพบได้ง่ายตามงานสถาปัตยกรรม เช่น วัด พระราชวัง เป็นต้น ซึ่งความสมดุลแบบสมมาตรจะให้ความรู้สึกมั่นคง แต่ก็แน่นิ่งและบางครั้งก็ดูน่าเกรงขาม
- ความสมดุลแบบอสมมาตร คือ ความสมดุลที่มนุษย์สร้างขึ้น เป็นความสมดุลที่ทั้ง 2 ด้านไม่เท่ากัน แต่จะรู้สึกเท่ากันได้ด้วยความรู้สึก แกนของงานจะเปลี่ยนไปตามภาพนั้น ๆ โดยสามารถใช้สี ระยะห่าง และตำแหน่งมาสร้างงานแบบนี้ได้
(3.) จังหวะ (Rhythm) คือ ช่วงความห่างและความสัมพันธ์ของการจัดองค์ประกอบ ที่นำมาวางให้ต่อเนื่องกัน มีความสม่ำเสมอและไม่สม่ำเสมอ ขนาดเล็กไปใหญ่ จากสีอ่อนไปสีแก่ จากพื้นผิวเรียบไปพื้นผิวหยาบ มีรูปทรงที่เหมือนกันและไม่เหมือนกันแต่ถูกจัดวางให้ต่อเนื่องกัน เป็นการทำซ้ำที่ก่อให้เกิดการเคลื่อนไหวและความสวยงามสามารถใช้องค์ประกอบได้หลาย ไม่ว่าจะเป็น สี เส้น รูปร่าง รูปทรง พื้นผิวรวมถึงระยะห่างด้วย
(4.) สัดส่วน (Proportion) คือ ความสัมพันธ์ของการจัดองค์ประกอบต่าง ๆ ที่เหมาะสม การจัดวางองค์ประกอบต่าง ๆ ให้สัมพันธ์กันไม่ว่าองค์ประกอบเหล่านั้นจะมีรูปร่าง รูปทรง สีและอื่น ๆ เป็นอย่างไรก็ตาม สัดส่วนสามารถแยกออกได้เป็น 2 แบบ ดังนี้
- สัดส่วนตามมาตราฐาน คือ สัดส่วนที่เมื่อแสดงออกมาแล้วเหมาะสม หรือสวยที่สุดในรูปแบบของสิ่งนั้นครับ ไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์ พืช อาคาร หรืออะไรก็ตาม ในงานออกแบบที่เห็นได้ทั่วไป สัดส่วนมาตรฐานนั้นได้มาจาก Golden Ratio สัดส่วนทองคำที่ทำให้ทุกสิ่งสัมพันธ์กันได้และออกมาสวยที่สุด เป็นต้น
- สัดส่วนตามความรู้สึก สัดส่วนตามความรู้สึกไม่มีอะไรตายตัว แต่มักเป็นการออกแบบตามวิถี หรือเอกลักษณ์ของคนบางกลุ่มในบางจังหวะของยุคสมัย โดยจะเน้นการสื่อถึงข้อความ สารที่ต้องการส่งออกไป อารมณ์ ความรู้สึกที่โดดเด่นออกมา สามารถพบได้ตามศิลปะประจำถิ่นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นศิลปะของแอฟริกัน หรือศิลปะของกรีก – โรมัน
(5.) การเน้น (Emphasis) คือ การทำให้องค์ประกอบอย่างใดอย่างหนึ่งโดดเด่นออกมาท่ามกลางการจัดองค์ประกอบอื่น ๆ มากมาย เพื่อเป็นจุดรวมสายตา (Focal Point) ที่ใช้สื่อสาร สารสิ่งที่ต้องการนำเสนอ โดยสามารถทำให้จุดนี้เด่นขึ้นได้ด้วยขนาด สี หรือ พื้นผิว เพื่อให้เกิดเรื่องราวการนำเสนอนั้น ๆ
(6.) เส้น (Line) คือ จุดที่ถูกนำมาต่อ ๆ กันเป็นจำนวนมากจนเกิดความยาวกลายเป็นเส้น ทำหน้าที่เป็นกรอบของรูปร่างต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสี่เหลี่ยม วงกลม หลายเหลี่ยมและอื่น ๆ ทั้งยังสามารถใช้เส้ในการสื่อความหมายในการใช้งานแบบต่าง ๆ ได้ด้วย ขึ้นอยู่กับความต้องการ โดยเส้นจะมี 2 แบบหลัก ๆ ดังนี้
- เส้นตรง ให้ความรู้สึกที่มั่นคง สามารถนำมาทำเป็นเส้นแนวตั้ง เส้นแนวดิ่ง เส้นซิกแซก เส้นปะ โดยที่เส้นแต่ละแบบจะมีความหมายและจุดประสงค์ในการใช้ที่แตกต่างกันแล้วแต่การจัดองค์ประกอบของงานนั้น ๆ
- เส้นโค้ง ให้ความรู้สึกที่นุ่มนวลกว่าเส้นตรง สามารถทำได้ทั้งเส้นโค้งเดียว หรือทำเป็นรูปร่างอย่างเส้นโค้งก้นหอย รวมถึงสามารถทำเป็นเส้นโค้งจากการเขียนด้วยมือ ก็จะให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันเช่นเดียวกับเส้นตรง
(7.) สี (Color) คือ สิ่งที่ใช้สื่อสารที่เห็นได้ง่ายที่สุด สีสามารถสื่ออารมณ์ได้หลายแบบและหลายมิติ สีสามารถแบ่งได้เป็น 2 วรรณะ คือ วรรณะร้อน และวรรณะเย็น สามารถทำได้หลากหลายวิธี แต่การใช้สีที่แตกต่างวรรณะกันทำให้สื่อสารออกมาได้ง่ายและเห็นชัดที่สุด นอกจากนั้นสียังเป็นสิ่งที่ช่วยจัดระเบียบการจัดองค์ประกอบให้ประสานหรือแปลกแยกได้เช่นกัน
ในงานออกแบบกราฟิก ไม่ว่าจะเป็นการทำ Artwork หรือการทำ CI รวมถึงการเลือกรูปและวัตถุมาใส่ในงาน สิ่งที่ต้องคำนึงเป็นลำดับต้น ๆ ก็คือเรื่องของสี นอกจากจะทำให้งานออกมาดูดี คุมโทนไปในทางเดียวกัน แสดงความโดดเด่นในสิ่งที่ต้องการสื่อสาร ยังเป็นส่วนที่สามารถถ่ายทอด
อัตลักษณ์องค์กรออกมาได้ด้วย นอกจากนี้ การใส่สีแต่ละสีร่วมกันยังมีหลักการพื้นฐานที่ทำให้งานออกมาโดดเด่นได้ เป็นสูตรสำเร็จที่สามารถนำไปใช้ได้กับงานอื่นๆได้มากมาย ทั้งงานถ่ายรูป วาดรูป งานออกแบบและการออกแบบสื่อต่างๆ
ลำดับขั้นของสี จะแบ่งเป็น 3 ขั้น ตามการผสมกันเองจนเกิดสีใหม่ มีทั้งหมด 3 ขั้น ดังนี้
ขั้นที่ 1 Primary แม่สีตั้งต้นของทุกสี ได้แก่ สีแดง น้ำเงิน และเหลือง
ขั้นที่ 2 Secondary สีที่เกิดจากการนำแม่สีมาผสมกันในอัตราส่วนเท่าๆ กัน จนได้สีใหม่ 3 สี ได้แก่ สีส้ม(แดง+เหลือง) สีม่วง(แดง+น้ำเงิน) สีเขียว(น้ำเงิน+เหลือง)
ขั้นที่ 3 Tertiary สีที่เกิดจากการนำสีขั้นที่ 1 และ 2 มาผสมกันในอัตราส่วนเท่าๆ กัน จนเกิดสีใหม่ทั้งหมด 6 สี ได้แก่ สีส้มแดง สีม่วงแดง สีเขียวเหลือง สีเขียวน้ำเงิน สีม่วงน้ำเงิน และสีส้มเหลือง
(8.) วัสดุ (Material) คือ พื้นผิวของตัวงานเป็นการจัดองค์ประกอบร่วมที่ใช้สื่อสารอารมณ์ของสิ่งที่จะนำเสนอ สามารถสื่อสารถึงยุคสมัย สถานที่ หรือสถานการณ์ที่ตัวงานชิ้นนั้น ๆ ต้องการนำเสนอออกมา เป็นการสื่อสารทางอ้อมและทางตรง การใช้พื้นผิวเข้ามาช่วยทำให้งานโดดเด่นหรือกลมกลืนได้ด้วย มักพบได้ในงานสถาปัตยกรรม หรืองานประติมากรรมเป็นส่วนมาก
(9.) ทิศทาง (Direction) คือ ส่วนที่ใช้กำหนดเป้าหมายของการจัดองค์ประกอบ เป็นส่วนเสริมที่ทำให้จุดเด่นของงานดูน่าสนใจมากขึ้นไปอีก เสริมให้ผู้เสพงานมองที่จุดรวมสายตาให้มากขึ้นและสนใจสิ่งรอบข้างให้น้อยลง ให้สื่อสารสารที่ต้องการนำเสนอได้ดีขึ้น
(10.) พื้นที่ว่าง (Space) คือ พื้นที่การเว้นว่างระหว่างองค์ประกอบกับองค์ประกอบด้วยกันเอง เป็นการใช้พื้นที่ว่างในการสื่อสารสารบางอย่าง การใช้พื้นที่ว่างมักใช้กับงานบางแบบ เช่น Minimalism ที่จะสื่อสารด้วยพื้นที่ว่าง มากกว่าการวางองค์ประกอบให้เต็มพื้นที่ของงาน รวมถึงพื้นที่ว่างยังทำให้การจัดองค์ประกอบมีระยะห่างทำให้งานเกิดความสัมพันธ์ด้วยตัวงานเอง
............................................................................................................................................
แหล่งอ้างอิงข้อมูล
การออกแบบกราฟิก สืบค้นเมื่อ ๐๘ พฤษภาคม ๒๕๖๗. จากhttp://www.digitalschool.club/digitalschool/art/art1_2/lesson2/content2_3/pemtem2.php